เมืองพริบพรี

“เมืองพริบพรี” อาจไม่ใช่ชื่อเดิมของ “เพชรบุรี”

“เมืองพริบพรี” หลายคนอาจเข้าใจว่าคือชื่อเดิมของ เมืองเพชรบุรี แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า เมืองพริบพรี อาจไม่ใช่ชื่อเดิมของเพชรบุรี แต่เป็นชื่อเรียกใหม่แบบไม่ทางการ และเปลี่ยนแปลงเสียงมาจาก “เพชรบุรี” คำว่าเพชรบุรี คาดว่ามีที่มาจาก 2 เรื่องราว บ้างก็ว่าเป็นชื่อที่เรียกตามแม่น้ำเพชรบุรี ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือมีผู้พบว่าในตอนกลางคืน “เขาแด่น” มีแสงระยิบระยับ จึงเชื่อกันว่ามีเพชรพลอยบนเขานั้น แรกเริ่มเดิมทีชื่อเมืองเพชรบุรีปรากฏในหลักฐาน “จารึกปราสาทพระขรรค์” กัมพูชา พ.ศ. 1734 

สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่มีข้อความบันทึกไว้ว่า “…ศรีชัยวัชรปุรี ศรีชัยสตัมภปุรี ศรีชัยราชคีรี ศรีชัยวีรปุรี…” ซึ่งต่อมามีนักวิชาการสันนิษฐานว่า คำว่า “ศรีชัยวัชรปุรี” ก็คือเพชรบุรี ต่อมาในสุโขทัยก็พบชื่อเมืองนี้ ทั้งในเอกสารจีนหรือฝรั่ง อย่าง “เอกสารจีนสมัยราชวงศ์หงวน” ซึ่งปรากฏในหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจีน จ. เพชรบุรี ของกรมศิลปากร มีข้อความระบุว่า “…กันมู่ติง (กมรเตง) ส่งทูตจากเมืองปี้ชาปู้หลี่ (เพชรบุรี) มาถวายเครื่องราชบรรณาการ…”

เมืองพริบพรี

ส่วน “The Suma oriental of Tomé Pires” ของโทเม ปิเรส (Tomé Pires) บันทึกชาวโปรตุเกสสมัยอยุธยา ที่ได้เดินทางไปยังอินเดียและมะละกา ในปี 2054 ก็ได้บันทึกการออกเสียงเพชรบุรีไว้ว่า “Peperim” และ “Pepory” ซึ่งใกล้เคียงกับการออกเสียงว่า เพ็ด-บุ-รี หรือ เพ็ด-พุ-รี

ยังมีหนังสือของพ่อค้าชาวฮอลันดา อย่าง “Description of the Kingdom of Siam” ของเยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias Van Vliet) ที่บันทึกระหว่าง พ.ศ. 2176-2185 ก็ระบุข้อความที่เกี่ยวข้องกับเมืองแห่งนี้ไว้ว่า “…แม่กลอง (Meclongh) พิบพรี (Pypry) ราพพรี (Rappry) ราชบุรี (Ratsjebeury) และกุย (Cuy) ล้วนเป็นเมืองเปิดทั้งสิ้น ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ไม่ห่างจากทะเล…”

นอกจากนี้ บันทึกอีกมากมายของชาวต่างชาติก็ยังพูดถึงชื่อเพชรบุรีอีกหลายแบบ เช่น “Piply, Pipeli, Putprib” ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเขียนชื่อที่ต่างกันนี้ ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์แผนที่สมัยอยุธยา เจ้าของผลงาน “กรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง” (สำนักพิมพ์มติชน) ได้อธิบายไว้ว่า

“การเขียนชื่อที่แตกต่างกันนี้ขึ้นอยู่กับการรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา และความสามารถในการถ่ายทอดเสียงของชาวพื้นเมือง ตลอดจนภาษาของแต่ละชาติที่เขียนแผนที่ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าชื่อเมืองเพชรบุรีที่ปรากฏในเอกสารของชาวต่างชาติได้มาจากการบันทึกตามเสียงพูดของชาวพื้นถิ่นเพชรบุรีในสมัยนั้น”

จนถึงสมัยกรุงธนบุรีก็ยังปรากฏชื่อของเพชรบุรี อย่าง Pipli และในกรุงรัตนโกสินทร์ก็ปรากฏคำว่า “เพชรบุรี” “วิดพรี” “เมืองเพชร” ฯลฯ

จะเห็นได้ว่าชื่อเมืองนั้นลดทอนพยางค์สั้นลงเรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีชื่อเรียกมาตรฐานเดิมไว้อยู่ โดยเพชรบุรี มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่คำว่า ศรีชัยวัชรปุรี (7 พยางค์) ก่อนจะตัดคำว่าศรีชัยออกเพื่อให้คนไทยออกเสียงง่ายขึ้น ไปจนถึง เพชรบุรี หรือ ปี้ชาปู้หลี่ (4 พยางค์) กลายมาเป็นเพชรบุรี, Peperim ฯลฯ (3 พยางค์) และเป็น พริบพรี, เพชรพลี, Piply ฯลฯ (2 พยางค์)

การออกเสียงเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เมืองเพชรบุรีเท่านั้น แต่ยังปรากฏในชื่อจังหวัดอื่น ๆ เช่น อุด-ดิด (อุตรดิตถ์), ยะ-โส (ยโสธร), คอน-ถม (นครปฐม) ฯลฯ

อีกทั้งหากวิเคราะห์ในแง่ของความหมาย คำว่า “พริบพรี” เป็นชื่อที่ไม่มีความหมาย ไม่มีประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร แตกต่างจากชื่อชุมชนอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมของแต่ละที่ ปรากฏแค่เพียงชื่อวัดในสมัยอยุธยา ขณะที่เพชรบุรีปรากฏเรื่องราวในคำให้การชาวกรุงเก่า ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช รวมถึงความเป็นมาที่บันทึกอยู่ในสมุดราชบุรี พ.ศ. 2468

จากตรงนี้จึงอาจคาดเดาได้ว่า “เมืองพริบพรี” เป็นชื่อแบบไม่ทางการที่เรียกกันในสมัยอยุธยา ซึ่งเปลี่ยนแปลงเสียงมาจากเพชรบุรี เพื่อให้พูดง่ายขึ้น ก่อนจะจางหายไป เพราะต่อมา คนเลือกที่จะใช้คำว่า “เมืองเพชร” มากกว่าจะเรียกว่าเมืองพริบพรีเหมือนแต่ก่อน